โค้งสุดท้าย! ไทยลีก 2018 บุรีรัมย์ จ่อแชมป์เต็มที แม้ทางทฤษีจะพอเป็นไปได้ แต่ทางปฎิบัติถือว่าไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ต่างจากการเข็นครกขึ้นภูเขาเลยทีเดียว เพราะดูท่าว่าน่าจะค่อนข้างแน่และมีเปอร์เซ็นต์สูงกว่าใครที่โฉมหน้าแชมป์ฟุตบอล โตโยต้า ไทยลีก 2018 จะชื่อ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เนื่องจากสถานการณ์ตอนนี้หลังจากผ่านไป 24 นัด ยอดทีมจากแดนอีสานทำคะแนนนำ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ห่าง 9 คะแนน ดูจากคะแนนกันตรงนี้ กับเส้นทางการแข่งขันที่เหลือ 10 นัด จากทั้งหมดเตะ 34 นัด ก็ต้องบอกว่าแม้จะพอมีโอกาสในการที่ทั้งสองทีมจะเบียดลุ้นแชมป์กันในแง่ของทฤษฎี แต่เมื่อมองถึงในแงปฎิบัติอย่างที่เกริ่นไว้บรรทัดแรก ต้องบอกว่าเหนื่อยจริงๆ สำหรับทีมแบงค็อก เจ้าของฉายาแข้งเทพ ที่ฟอร์มสะดดุทำแต้มหล่นหายไปอย่างน่าเสียดายในช่วงหลัง ทั้งที่ขับเคี่ยวกับ บุรีรัมย์ อย่างสนุกสูสี จนพีกสุดๆ การก้าวขึ้นไปแซงรั้งตำแหน่งจ่าฝูง ก็เคยก้าวไปถึงจุดนั้นมาแล้ว แต่ด้วยความไม่สม่ำเสมอของฟอร์มที่มักเป็นจุดสลบของแบงค็อก มาตลอดในช่วงการแข่งขันไทยลีก แม้ว่าไปการคุมทีมของ มาโน โพลกิ้ง ให้กับแบงค็อก ภาพรวมจะถือว่าโอเคเลย แต่ที่ขาดไปก็คือความนิ่ง ความแน่นอน ในผลการแข่งขันที่เวลาจะเน้น ผลคะแนนที่ต้องการไม่มักมาตามนัด เรียกว่าเวลาเข้าฝัก เข้าฟอร์มก็ชนะคู่แข่งแบบสบายๆ แต่เวลาจะตื้อตันก็ดันช็อตไปเฉยๆ ทว่าก็ยังโชคดีที่ฟอร์มช่วงหลังเริ่มกลับมาชนะได้บ้าง ทำให้ทีมยังพอมีลุ้นเล็กๆ กับประตูแห่งคำว่าโอกาสที่ยังไม่ปิดไปเสียทีเดียว ขณะที่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ฟอร์มก็ต้องบอกว่าชัดเจนตามแนวทางการเล่นพวกเค้าที่ดุดัน แน่นอน ตามเป้าหมายที่วางไว้คือคำเดียว คำว่าแชมป์เท่านั้น ซึ่งสิ่งที่เขียนไปก็เป็นไปตามนั้น เพราะจากฟอร์มของ บุรีรัมย์ แต่ละนัด ต้องบอกว่าร้อนแรง ครเครื่องทั้งเกมรุก และเกมรับ โดยเฉพาะแนวหน้าที่ดูเหมือนว่าจะเริ่มลงตัวขึ้นเรื่อยๆ ทั้ง ออสวัลโด้ ดาวเตะตัวรุกดีกรีชุดใหญ่ทีมชาติบราซิล ที่ซื้อเข้ามาใหม่ ก็เริ่มปรับตัวได้ดีขึ้น แม้จะไม่ค่อยยิงแต่ ออสวัลโด้ ก็มีจังหวะโชว์คลาสฟุตบอลเห็นในเรื่องการจ่ายบอลให้เพื่อนทำประตูสุดเฉียบขาด ส่วนอีกคนที่ถือเป็นกำลังหลักสำคัญที่พูดได้เลยว่า บุรีรัมย์ ขาดไม่ได้ เพราะมีส่วนสำคัญต่อแนวรุกการพังประตูของ บุรีรัมย์ อย่างแท้จริง นั่นคือ ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต ล่าสุดผ่าน 24 นัดซัดไปแล้ว 23 ประตู เรียกว่าหากคิดเฉลี่ยสถิติจำนวนนัดกับประตูก็ถือว่าประมาณเกือบเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ ...
ไทยลีก 2018 (T1) กับประเด็นร้อนตกชั้นกี่ทีม? ไปๆมาๆดูเหมือนว่ากระแสเรื่องการปรับเปลี่ยนทีมตกชั้นจากเดิม5 ทีม ให้เหลือ3 ทีมในศึกฟุตบอล ไทยลีก (T1) จะถูกพูดถึงกันไม่น้อยเลยทีเดียว หลังจากมีประเด็นเสนอเรื่องหากมีการเพิ่ม 3 นักเตะโควต้าอาเซียนเข้ามาในไทยลีก (T1) ปีหน้า 2019 น่าจะต้องเล่น 18 ทีม ด้วยเหตุผลที่ผมมองว่าหากเพราะต้องตกชั้น 5 ทีม เกมการแข่งขันก็จะเหลือเพียงแค่ 16 ทีม ที่สู้กัน นั่นอาจทำให้เกมยิ่งน้อยก็อาจยิ่งส่งผลกระทบให้โอกาสนักเตะไทยลงสนามยากขึ้นไปอีก นั่นอาจจะเป็นความกังวลใจในบางสโมสรที่เกรงว่าโดนลูกหลงจากประเด็นนี้ อย่างไรก็ตามหากมองมุมนี้ก็ดูเหมือนว่าจะมองมุมเดียวมากไป และแม้หากมีการเปลี่ยนแปลงกฏให้ตกชั้นเพียง 3 ขึ้นมาจริงๆ ก็เชื่อว่ามีแววสมาคมฟุตบอล และไทยลีก มีหวังโดนแฟนบอลถล่มวิจารณ์หนาหูแน่ เนื่องจากกฏตกชั้น 5 ทีม เป็นกฏข้อตกลงก่อนเปิดฤดูกาลและมีมติเอกฉันท์จากสโมสรเสียงข้างมากที่เห็นด้วย จริงอยู่ในแง่ของการนำผู้เล่นโควต้าอาเซียนเพิ่มเข้ามาอาจจะทำให้นักเตะไทยได้รับผลกระทบบ้าง แต่มองแง่ดีก็น่าจะทำให้เกิดการแข่งขันได้ เพราะเอาจริงๆในมุมธุรกิจตอนนี้ฟุตบอลการขยายออกไปให้ต่างประเทศผ่านการถ่ายทอดสดไปยังชาติอาเซียนต่างๆ ก็น่าจะเป็นผลดีกว่าย่ำอยู่กับที่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นนักเตะที่ดึงเข้ามาต้องเป็นระดับแม่เหล็กซูเปอร์สตาร์ของชาติๆนั้น ที่มั่นใจว่าจะเข้ามายกระดับให้ไทยลีกเพิ่มความนิยมได้ มิใช่นำนักเตะอาเซียนคนไหนก็ได้เข้ามาหวังเพียงการตลาดหารายได้เข้าลีกและสโมสร ยิ่งตอนนี้ฟุตบอลไทยลีก แฟนบอลลดน้อยยอดคนดูถอยหาย จนน่าใจหาย ด้วยแล้วจึงเป็นเรื่องที่ต้องคิดและหารือกันให้ดีว่าระหว่างสโมสรว่าผลได้ผลเสีย เมื่อนำมาชั่งบนตวงวัดอันไหนจะดีเกิดประโยชน์กับลีกไทยมากกว่ากัน แต่ถ้าถามผม, ผมก็ยังมองว่าการเพิ่มโควต้าอาเวียนก็เป็นเรื่องดี ที่เชื่อว่าจะทำให้ไทยลีก ขยายตลาดได้แน่ๆ เนื่องจากเป็นแผนที่ทางสามคมฟุตบอลและไทยลีก ตั้งใจไว้อยู่แล้วที่จะขายลิขสิทธิ์ไทยลีกให้รับชมได้แบบถูกกฏหมายไปยังชาติอาเซียน เพื่อต่อยอดสร้างแบรนด์สร้างการรับรู้ลีกไทย ส่วนที่ผมไม่เห็นด้วยแน่ๆ ก็คือการปรับลดโควต้าตกชั้นจาก 5 ทีม ให้เหลือ 3 ทีม น่าจะเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะ เพราะกฏได้ถูกตั้งไว้แล้วจากการเห็นชอบของหลายสโสรลงคะแนนเสียงโหวต การจะมากลับลำปลี่ยนใจแบบนี้ดูจะไม่ใช่เรื่องแฟร์กับหลายๆทีม เท่าไหร่ อีกทั้งยังจะดูลดทอนความน่าเชื่อถือของทีมผู้บริหารชุดนี้ลงไปในตัว ทั้งๆที่ผมมองว่าทำดีมาตลอด ทั้งในแง่ความโปร่งใสการสรรหาโค้ชทีมชาติ และการสรรหาว่าจ้างผู้มาทำงานให้สมาคมฯก็มีการอัพเดตแจ้งให้แฟนบอลรับทราบผ่านสื่อออนไลน์แทบจะตลอด รวมถึงการประชาสัมพันธ์ไทยลีกทุกระดับ , ทีมชาติไทย การถ่ายทอดสด ทุกช่องทางออนไลน์ จากการสรรหาโปรแกรมมมากมายเพื่อให้แฟนบอลได้รับชม ซึ่งเป็นเรื่องน่าชื่นชมอย่างมาก และที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือคำว่า Fair จากนโยบายหาเสียง ที่สำหรับผมมองว่าสร้างความเชื่อมั่น ให้กับแฟนบอลไทยคนหนึ่งอย่างผมให้มั่นใจได้มากว่าฟุตบอลไทย กำลังเดินมาถูกทาง พร้อมกับความถูกต้องชัดเจน อนาคตความน่าเชือถืออยู่ในมือท่านเลือกได้จะทำลาย หรือรักษาไว้ครับ. อ่านบทความฟุตบอลอื่นๆได้เลยที่ https://bit.ly/2H4RWMH ...
เพิ่มโควต้าอาเซียน! ไทยลีก 2019 ประตูปิดโอกาสนักเตะไทย? เป็นประเด็นขึ้นมาที่สร้างกระแสฮือฮาพอสมควร หลังจากมีความเป็นไปได้ที่การแข่งขันฟุตบอล ไทยลีก 2019 ในระดับ T1 จะมีการเพิ่มนักเตะโควต้าอาเซียนเป็น 3 คน โดยมีเงื่อนไขว่าสโมสรจะส่งลงเล่นหรือไม่ได้ ซึ่งหากมาอีหรอบนี้จะทำให้โควต้าT1 ในปี 2019 จะเป็นสูตร 3+1+(3) แบ่งเป็น 3 นักเตะต่างชาติ 1 นักเตะเอเชีย และ (3) นักเตะโควต้าอาเซียน ซึ่งจะเปลี่ยนจากเดิมในปี 2018 ในโควต้าต่างชาติสูตร 3+1+(1) โดยแบ่งเป็น 3 นักเตะต่างชาติ 1 นักเตะเอเชีย และ (1) นักเตะโควต้าอาเซียน ส่วนสูตรในปี 2019 จะมีการให้ต่างชาติ, เอเชีย หรืออาเซียน ลงได้กี่คนยังไม่เป็นที่แน่ชัด แต่จากที่ทราบนักเตะไทยจะต้องลงสนามอย่างน้อย 4 คน ในชุด 11 คนแรก มองกันตรงนี้ก็มีทั้งข้อดีละข้อเสีย หากยึดตามเหตุผลที่ต้องการขยายตลาดฟุตบอลไทย ให้กระจายเป็นที่รู้จักมากขึ้นไปในแถบประเทศเพื่อนบ้านย่านอาเซียน ก็ถือว่าเป็นเรื่องดี หากจะทำให้กระแสฟุตบอลนั้นดีขึ้น แต่กลับกันหากมองอีกแง่หนึ่งเรื่องของคุณภาพฝีเท้าของนักเตะอาเซียนที่จะนำเข้ามาก็ต้องพิถีพิถันในการคัดสรรเลือกหาด้วย เพราะเอาจริงๆในย่านอาเซียนฝีเท้านักเตะจากประเทศเพื่อนบ้านเราก็ถือว่าไม่หนีกันกับของไทยมาก จะมีบ้างที่จะเป็นซูเปอร์สตาร์ระดับ อ่อง ธู หัวหอกฟอร์มร้อนโปลิศ เทโร รวมถึง คยอ โค โค กองหน้าที่ย้ายมาเล่นให้ เชียงราย ยูไนเต็ด ซึ่งทั้งสองคนถือว่าเป็นนักเตะชื่อดังของเมียนมา ที่สร้างแรงกระเพื่อมให้ลีกไทยเป็นที่รู้จักขึ้นได้ แบบนี้หากจะซื้อ อยากจะยืมมาเล่นก็ถือว่าเป็นเรื่องดี ไม่เพียงแต่จะทำให้ลีกไทย เป็นที่รู้จัก ยังช่วยให้นักเตะเยาวชนจากสโมสรไทย ได้เรียนรู้ การเล่นจากนักเตะท็อปอาเซียนได้อีกทาง นั่นหมายความว่าหากมองในแง่ดี นักเตะอาเซียนก็ควรจะเป็นนักเตะทีได้รับการยืนยันและการันตีผลงานการเล่นทีมชาติ หรือกับสโมสรจนผลงานเป็นที่น่ายอมรับในระดับหนึ่งแล้วค่อยพิจารณาดึงมาร่วมทัพก็น่าจะเข้าท่ากว่า ซึ่งก็เข้าใจว่าทางฝ่ายจัดก็น่าจะมีการพิจารณาเรื่องนี้แล้วเช่นกันในเรื่องคุณสมบัตินักเตะโควต้าอาเซียน แต่ถึงอย่างไรหากมองอีกมุมการเลือกที่จะเปิดโควต้าอาเซียน ก็อาจจะมีผลกระทบทำให้นักเตะมีโอกาสลดน้อยไปอีก แม้เบื้องต้นจะมีการแจ้งว่าโควต้าอาเซียน 3 คน จะส่งลงเล่นหรือไม่ก็ได้ แต่หากเป็นเรื่องจริงการซื้อนักเตะย่อมเป็นการลงทุนที่สโมสรก็คาดหวังที่จะใช้งานนักเตะที่ซื้อมาอยู่แล้ว คงไม่มีสโมสรไหนซื้อนักเตะมาเพื่อให้นั่งดูและหวังเพียงว่าจะเป็นการโปรโมทสโมสรเพื่อต่อยอดเรื่องค่าลิขสิทธิ์สินค้าต่างๆ จากสโมสรเช่นเสื้อ ผ้าพันคอ หรือของที่ระลึก แน่ๆ นั่นหมายความว่านักเตะไทย จากเดิมที่ลงสนามได้จะเหลือเพียง 4 คน ที่จะได้ออกสตาร์ทตัวจริง11 ...
บทสรุป? ในเกม ไทยลีก ที่มีความหมาย บุรีรัมย์ VS แบงค็อก หากเป็นภาพยนตร์ก็น่าจะถือว่าเป็นบทหนังที่เต็มไปด้วยบทแอ็คชั่นที่เข้มข้นเร้าใจอย่างยิ่งสำหรับการขับเคี่ยวลุ้นแย่งแชมป์กันของสองทีมยักษ์นาทีนี้อย่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ที่ต้องยอมรับว่าเป็นการเบียดลุ้นแชมป์ที่พลิกไปพลิกมา และยากจะหาบทสรุปจริงๆ หลังจากที่หลังจบเกม โตโยต้า ไทยลีก 2018 นัดที่ 20 ทีมดังจากอีสาน บุรีรัมย์ กลับมาพลิกนำจ่าฝูงอีกครั้ง หลังจากก่อนหน้านี้นัดที่ 19 แบงค็อก ทีมจากเมืองหลวง เพิ่งทะยานขึ้นนำเป็นจ่าฝูงแท้ๆเพียงสัปดาห์เดียว เรียกว่าเบียดกันมันส์สุดๆ ผลการแข่งขันทุกนัดล้วนมีผลต่อทั้งสองทีมอย่างแท้จริง ดังนั้นระหว่างทางจากนี้ทีมไหนที่พบสองทีมนี้คงต้องเหนื่อยมากขึ้นเป็นคูณสอง เพราะด้วยเงื่อนไขที่ต่างต้องการคะแนน ย่อมจะทำให้ทั้งสองทีมจัดเต็มอย่างเลี่ยงไม่ได้ นอกจากเรื่องผลคะแนนที่ต้องการ สิ่งที่บุรีรัมย์ และแบงค็อก ค่อนข้างเหนือกว่าหลายๆทีม ปฎิเสธไม่ได้ก็น่าจะเป็นเรื่องขุมกำลังทั้งไทยและต่างชาติ ที่ต่างเดินหน้าเสริมทัพกันแบบจัดเต็ม ยิ่งไปกว่านั้นการที่ทั้งสองทีมจำเป็นจะต้องมาโคจรพบกันในศึกT1 สัปดาห์นี้นัดที่ 21 ทำให้เชื่อว่าแสงสปอตไลท์จะส่องสว่างไปที่สนามช้างอารีน่า อย่างเลี่ยงไมได้ และเผลอๆ อาจจะได้รับความสนใจขโมยซีน ศึกลูกหนังรัสเซียที่กำลังโม่แข้งกันอย่างเมามันส์อยู่ในขณะนี้ด้วยซ้ำ อีกทั้งว่ากันว่าเกมนี้จะถือว่าเป็นการตัดสินแชมป์กลายๆ ซึ่งก็เห็นด้วยเพราะหากฝั่งไหนสามารถชนะก็น่าจะมีโอกาสต่อยอดยาวๆ โกยแต้มได้แบบต่อเนื่อง ดังนั้นการเจอกันของทั้งสองทีมจึงถือเป็นการพบกันที่นาสนใจอย่างยิ่ง และก็ยากจะคาดเดาว่าฝั่งไหนจะไดเปรียบกว่ากัน แต่หากมองไปที่สถิติพบกันก่อนหน้าสิบกว่าครั้งทุกรายการเป็นทาง บุรีรัมย์ ที่ค่อนข้างเหนือกว่าจากการเก็บชัยชนะได้มากกว่าในการพบกัน แต่ในช่วงเลกแรกก็ต้องบอกว่าสูสี เพราะทั้งคู่เจ๊ากันมาก่อนในบ้านของแบงค็อก ยูไนเต็ด 2-2 และที่น่าสนใจคือทั้งสองทีมมักยิงกันเยอะเวลาพบกันเฉลี่ย2-3 ลูกต่อเกม ก็มีหากอีกทีมโชว์ฟอร์มเข้าฝัก และบางครั้งทีมที่แพ้ก็รับประทานไข่ต้มเจาะตาข่ายทวงคืนไม่ได้สักลูกก็มีเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีเรื่องสถิติที่ผ่านมา บุรีรัมย์ เจอแบงค็อก ในบ้านมักเหนียว และแบงค็อก ก็ยังไม่เคยบุกชนะบุรีรัมย์ได้ ที่สำคัญบุรีรัมย์ ฟอร์มดุยิงเยอะด้วย อย่างไรก็ดี ทั้งหมดเป็นสถิติที่จะว่ากันก็เป็นเพียงตัวเลข แต่ปัจจุบันอย่างที่เขียนไปก่อนหน้าเรื่องขุมกำลังที่ทั้งสองทีมค่อนข้างเกรดพอๆกันทั้งไทย และต่างชาติในทุกตำแหน่ง จึงทำให้ชั่วโมงนี้ แบงค็อก จะบุกมาสู้กับบุรีรัมย์ ได้สนุกแน่ๆ รวมถึงเรื่องความพร้อมทางฝั่งทีเยือนแบงค็อกก็น่าจะพร้อมกว่า หลังจากบุรีรัมย์ ที่อาจจะขาดตัวหลักบางรายลงสนามช่วยทีม แต่ถึงอย่างไรแม้จะมีปัญหาเรื่องความในการจัดทัพ ขึ้นชื่อว่าเล่นในบ้านบุรีรัมย์ ก็น่าจะทำให้กุมความได้เปรียบเรื่องเสียงเชียร์ตรงนี้ไว้ได้ ไหนจะเรื่องของบทเรียนที่ก่อนหน้านั้นที่บุรีรัมย์สะดุดพ่ายเกมพบชัยนาท จนเกิดดราม่าจากแฟนบอลบุรีรัมย์ส่งตรงถึงสโมสร ก็เชื่อว่าบุรีรัมย์ คงจะเน้นเต็มที่และไม่อยากพลาดท่าเสียทีต่อคู่ปรับลุ้นแชมป์ในบ้านต่อหน้าแฟนบอลแน่ๆ ยิ่งคิดก็ยิ่งมันส์ เชื่อว่าเกมนี้จะเล่นกันได้สนุกสมการรอคอยจากแฟนบอลไทยแน่นอน โดยทั้งสองจะโคจรมาพบกันในศึกฟุตบอล โตโยต้า ไทยลีก 2018 (T1) นัดที่ 21 ...
ดราม่าเลกสอง T1 เลือกแบบไหน? ผู้เล่นคนที่ 12 ไทยลีก ฟุตบอลโตโยต้า ไทยลีก 2018 เลกสอง กลับมาฟาดแข้งกันต่อสัปดาห์แรกช่วงวันที่ 9-10 มิถุนายน 2561 ท่ามกลางความสนุก ความมันส์ เร้าใจ จัดกันเต็มอัตราศึกเหมือนเช่นเคย ทุกคู่ ทุกสนาม ยิงประตูกันครบทุกคู่ โดยเฉพาะคู่ใหญ่ในกลุ่มหัวตาราง ฟอร์มยังแรงดีไม่มีตก ทั้งบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด , แบงค็อก ยูไนเต็ด ที่ถึงตอนนี้ต่างยังไม่สะดุดทั้งคู่ เรียกว่าไม่มีใครยอมใคร แต่ด้วยช่องว่างห่างสองคะแนนที่แม้บุรีรัมย์จะกุมความได้เปรียบไว้ แต่ฟุตบอลลูกกลมๆมีลมอยู่ข้างในอะไรย่อมเกิดขึ้นได้ทั้งนั้นขึ้นอยู่ที่ว่าใครจะพลาดก่อนกัน นั่นหมายความว่าโอกาสที่จะแซงโค้งปาดหน้าทะยานนำยังเป็นไปได้เสมอหากมีทีมไหนเพลี่ยงพล้ำ แต่จากที่มองดูแล้วทั้งบุรีรัมย์และแบงค็อก จากตรงนี้น่าจะเหลือเพียงแค่สองทีมที่จะไล่ขับเคียวกันลุ้นแชมป์ในบั้นปลาย เพราะเหลือบไปดูทีมเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่แม้จะฟอร์มดีขึ้นมาหลังจากเปลี่ยนโค้ชคนใหม่เป็นชาวต่างชาติอีกครั้ง แต่ด้วยคะแนนที่ห่างจากอันดับ1-2 ห่างร่วมๆ 10 คะแนน เช่นเดียวกับม้ามืดอย่างประจวบ น้องใหม่ฟอร์มแรงที่หวังต่อยอดความแรงด้วยการคว้าตัวปีโป้ สิโรจน์ หัวหอกทีมชาติไทยมาร่วมทัพ แต่ก็ยังเป็นอะไรที่ยาก แม้ทางทฤษฎีจะเป็นไปได้ แต่ทางปฎิบัตินั้นค่อนข้างสวนทางพอสมควร ยิ่งหากเทียบกันเรื่องขุมกำลังบุรีรัมย์ , แบงค็อก ก็ยังดูถือไพ่เหนือกว่าในการเสริมทัพเลกสองของทีมกลุ่มหัวตารางชั่วโมงนี้ แต่ก็อย่างที่บอกฟุตบอลลูกกลมๆอะไรก็เกิดขึ้นได้ ไม่แน่จากที่นำที่เหมือนจะง่าย แต่อาจจะไปกดดันตัวเองจนเล่นไม่ออก ยิ่งเลกสอง หลายๆทีมที่ได้พักก็น่าจะได้มีการปรับแท็กติก เปลี่ยนแผนการเล่นกันมากมาย เช่นราชนาวี ที่อาจจะเข้าข่ายที่ว่าหลังจากสร้างความฮือฮา เอาชนะ ชลบุรี ไปด้วยสกอร์ที่เอาจริงๆก็เป็นเรื่องเหลือเชื่อด้วยสกอร์ 3-1 ทั้งๆที่ชลบุรี ที่ผ่านมาหลายๆนัดก็ฟอร์มดีขึ้นมา ผิดกับราชนาวี ที่ฟอร์มไม่กระเตื้องจนเกิดการเปลี่ยนแปลงโค้ชเป็นว่าเล่นจนอันดับจมดิ่ง อย่างไรก็ตามจากชัยชนะของราชนาวี น่าจะเป็นการส่งสัญญาณว่าทีมยักษ์ใหญ่จะประมาททีมกลุ่มล่างลุ้นหนีตกชั้นอย่างพวกเค้าไม่ได้ เพราะช่วงเลกสอง นั้นถือว่าเป็นช่วงโค้งสุดท้ายที่จะเป็นเวลาให้แต่ละทีมสู้อย่างเต็มที่เพื่อโอกาสในการอยู่รอด ยิ่งปีนี้ 2018 T1 ตกชั้น 5 ทีม ด้วยแล้ว เชื่อว่าทุกทีมในโซนล่างมีหวังใส่กันเต็มสูบ เพราะหากตกชั้นไปบอกเลยว่าเหนื่อยและคงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะไต่ชั้นขึ้นมาเพียงปีเดียว เพราะหลายๆทีมในT2 ปัจจุบันคุณภาพบางทีมดีพอที่จะก้าวมาเล่นในT1 ได้สบายๆ จากการที่หลายๆทีมได้มีการดึงนักเตะจากที่เคยเล่นในลีกสูงสุดไปช่วยทีมหลายคน ดังนั้นจากนี้ในทุกๆวีกในลีกสูงสุดไทยจึงเป็นเรื่องที่น่าติดตามและแฟนบอลต้องไม่พลาด เพราะทุกๆนัดจากนี้จะมีความหมายอย่างมากต่อทุกทีม ทั้งกลุ่มบนลุ้นแชมป์ หรือกลุ่มล่างเรดโซน ส่วนจะมีทีมไหนสมหวัง หรือผิดหวัง ระยะทางยังอีกยาวไกลกว่าจะไปถึงเส้นชัย เพราะนี่เป็นเพียงสัปดาห์แรกของเลกสองเท่านั้น เอาเป็นว่ารักทีมไหน เป็นแฟนทีมไหน ก็ส่งกำลังใจเชียร์กันไปให้เต็มที่ นักบอลก็เล่นให้เต็มที่ ส่วนแฟนบอลก็เชียร์ให้เต็มที่ ...